ชาวขี่ม้ากลับมาไทยโปโลปีนี้ คงได้ชื่นชมและอาศัยพักพิงคลับเฮาส์หลังใหม่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสามแยกเสาธงเก่า สำหรับคลับเฮ้าส์ใหม่นี้จัดเต็มให้ชาวขี่ม้าได้ชมการแข่งขันอย่างจุใจรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าหน้าคลับเฮาส์สำหรับเดรสซาจ สนามทรายด้านหลังสำหรับกระโดด และสนามครอสคันทรี่ในเขาที่มองเห็นได้ไกลลิบจากชั้นสอง นอกจากใช้ชมการแข่งขันแล้ว คลับเฮ้าส์ด้านบนยังที่กว้างโอ่โถงเพื่อใช้ในการจัดเลี้ยง รวมถึงบาร์เครื่องดื่มที่เปิดบริการตลอดวันด้วย
นอกจากคลับเฮ้าส์แล้ว ทางไทยโปโลยังได้ทำการปรับปรุง judge box ที่สนามทรายใหม่ด้วยการเปลี่ยนหลังคามุงจากเป็นหลังคาทรงไทย รวมถึงการสร้างโรงเก็บเครื่องกระโดด และปรับปรุงทัศนียภาพรอบๆ ใครยังไม่ได้เห็นด้วยตา ต้องไปชมกันครับว่าจะตระการตาแค่ไหน
Club House #3
New Polo Field
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipNfambtgsb_XQLyyHCGnfeDUlre_XSt0kEoAusydjafGVGZXWxiOq7F3tb2sY1IGva5-jHpwoM6kU5hsF7nKSHXzpj_gvx6tncjt-Mr1wnqknZfnEbfkCkoaNL-0FRJfpULqLEMOn24mU/s640/944614_506231232758402_2057942170_n.jpg)
Dressage Arena on the Polo field
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBoQQDUD8vE7VeIywguDbTZCxgMCDxvz8LIrCLyhC7GV5vSYh2eOsKuUhThMUWHxJ4QHd8dmISpuoBJ8aHeyt5ZuFzr8yp82UtMBF6FaUmoCQhBH9tM_CYFiKzoAMlHzTZ6AbgZiqi85_x/s640/970503_506230886091770_133843257_n.jpg)
Thai Polo's major sponsor BMW
Jumping arena and the renovated Judge Box
การกลับมาของ เสธ.แซม “The Old Man Never Dies”
Col. Fuangvich Aniruth-Deva on Maximus
ไม่ได้เห็นบนหลังม้ามาหลายปี แต่ปี 56 นี้ เสธ.แซม หรือ พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา เลขาธิการสมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ร่างกายฟิตเป็นพิเศษ เลยได้ฤกษ์ลงแข่งขันขี่ม้าทั้งอีเวนท์ติ้ง และกระโดดกับม้าเด็กอีก รวมสามตัว โดยในประเภทอีเวนท์ติ้ง เสธ.แซมลงแข่งกับม้าคู่ใจ Maximus มีคะแนนนำติดท็อปทรีไปในวันแรกจากการแข่งขันเดรสซาจและกระโดด ทำให้หลายคนต่างให้ความเห็นกันว่าเสธ.แซมเป็นตัวเก็งคว้าถ้วยคิงส์คัพครั้งนี้แน่นอน แต่เอาเข้าจริงวันที่ลงแข่งครอสคันทรี่ เสธ.แซมกลับมีคะแนนเสียจากเวลาเกินมากกว่าที่คาดไว้ ทั้งๆที่ทุกคนก็ต่างรู้ฝีไม้ลายมือของทั้งเสธ.และ Maximusเอง ว่าไม่เคยทำเวลาเกินในสนามครอสคันทรี่เลย เรื่องนี้ ทีมงานHorseMove ได้ไปสัมภาษณ์ความรู้สึกหลังการแข่งขัน และก็ถึงบางอ้อว่า รายการที่แข่งอยู่นี้เป็นการแข่งขันรอบแรกเพื่อ Qualify รายการ Asian Eventing Championships และยังต้องมีการแข่งอีกสองครั้ง หากม้า “แตก” อาจส่งผลถึงอนาคตได้ ตามแผนที่วางไว้คือต้องทำการเซฟม้าไว้ก่อนเพื่อให้ฟื้นตัวได้เร็วและพร้อมแข่งในรอบต่อไปใน MaxWin CIC 1* วันที่ 24-26 พค.นี้
Asian Eventing Championships งานใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
FEI Asian Eventing Championships เป็นรายการแข่งขันอีเวนท์ติ้งรายการแรกที่ FEI ทำการบรรจุให้เป็นรายการแชมเปี้ยนชิพระดับภูมิภาคเอเชีย โดยทาง FEI ได้กำหนดให้เป็นการแข่งขันในระดับ CIC 1* โดยมีเกณฑ์การเข้าแข่งขันขั้นต่ำ (MER หรือ Minimum Eligibility Requirement) จากการแข่งขัน CNC 1star 1 ครั้งและ CIC 1* อีก1 ครั้ง โดยทางสมาคมขี่ม้าฯ ได้จัดให้มีการแข่งขันขึ้นในสองสนามคือที่งาน Thailand Championship และ MaxWin CIC 1* ที่สโมสรไทยโปโลแอนด์อีเควสเทรี่ยนคลับ พัทยา
สำหรับรอบแรก ประเทศไทยได้ทำการต้อนรับนักกีฬาและทีมงานที่มาร่วมลงแข่งจากอีก 3 ประเทศจำนวนเกือบ 20 คน ทั้งจากประเทศญี่ปุ่น อินเดีย และอินโดนีเซีย โดยผลการแข่งขันเป็นไปด้วยดี แต่ที่เก๋าสุดเห็นจะเป็นทีมญี่ปุ่นที่ทำการเตรียมม้าและแข่งขันตามเป้าได้ชัดเจนที่สุด
ทางทีมงานได้ข่าวมาคร่าวๆว่า ในการแข่งขัน FEI Asian Eventing Championships ระหว่างวันที่ 25-28 กค.นี้ นอกจาก ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย แล้วอาจจะมีทีมจากประเทศฮ่องกงและเกาหลีเข้าร่วมแข่งขันด้วย โดยจะทำการขนม้าเข้ามาแข่งขันเอง นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันรายการ FEI World Jumping Challenge ประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง เพื่อเก็บคะแนนรายการ Nanjing Youth Olympic 2014 ด้วย สำหรับข่าวอัพเดท ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ
วีรภัฎ กับการครองถ้วยแชมป์ประเทศไทยเป็นครั้งที่ 4
Weerapat Pitakanonda on Monarch Royal Touch
นักกีฬาจากหัวเมืองเชียงใหม่ บอมบ์ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ นักกีฬาทีมชาติไทยหลายสมัย กลับมาอีกครั้งที่ไทยโปโล พร้อมกับคู่หู Monarch Royal Touch เพื่อลงแข่งขันอีเวนท์ติ้ง ระดับ CNC 1* อันเป็นรายการชิงแชมป์ประเทศไทย ถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ โดยบอมบ์กับ Monarchทำคะแนนอยู่ในลำดับต้นๆมาตั้งแต่วันแรก และก็ยังสามารถรักษาฟอร์มการขี่ในครอสคันทรี่ได้ดีเยี่ยม จึงทำให้บอมบ์จบที่คะแนนเสีย 58 คะแนน (58+0+0) และครองแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 4 ไปได้ หลังจากครองถ้วยแชมป์ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 1999 และอีกสองครั้งต่อมาในปี 2006 และ 2007
บุกเดี่ยว นำโด่ง ภคินี กับแชมป์เดรสซาจประเทศไทย
Pakinee Pantapa and Tayutin
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า นับวันวงการเดรสซาจไทยจะมีคนเล่นน้อยลงทุกวัน โดยเฉพาะในระดับPrix St-Georges ที่ถือเป็นก้าวแรกของการแข่งขันเดรสซาจระดับอินเตอร์ อย่างไรก็ดี ภคินี พันธาภา หนึ่งในนักกีฬาแถวหน้าของวงการเดรสซาจไทย ก็ยังเดินหน้าพัฒนาฝีมือต่อไปและปีนี้ก็คว้าถ้วยพระราชทานคิงส์คัพมาครองได้อีกครั้งหลังจากได้แชมป์เมื่อสองปีก่อน สำหรับคะแนนรวมสะสมของถ้วยคิงส์คัพนี้ นับจากที่นักกีฬาทำการเก็บคะแนนมาทั้งหมด 5 สนาม โดยภัคทำคะแนนนำโด่งอย่างไร้คู่แข่ง ทั้งอดีตทีมชาติ ครูหมุน นิธิภัทร เหง้าโอสา ครูสุวัจน์ บุญลือ และ ประดิษฐา ฐิตะฐาน ส่วนในรอบfinal ที่สนามไทยโปโล มีการแข่งขันสองรอบ รอบแรกระดับ Prix St-Georges ทำคะแนนได้ 56.51% ส่วนรอบที่ 2 ระดับ Prix St-Georges Freestyle to Music ทำคะแนนได้ 67.25% สรุปในรอบ Final มีคะแนนเฉลี่ยที่ 61.88%
นักกีฬาเยาวชน เสียงซอ คว้าแชมป์ประเทศไทยหลังกระโดด 140 ซม
Siengsaw Lertratanachai and Victory B
สามปีที่ผ่านมา ไม่มีใครมาแรงเท่าเสียงซอ เลิศรัตนชัย ที่สามารถ แสดงผลงาน ได้โดดเด่นที่สุดในสนามกระโดด และทำการขับเขี้ยวกับนักกีฬารุ่นพี่ได้อย่างไม่ย่อท้อ ไล่มาตั้งแต่เริ่มแข่งในรุ่น junior จนเข้ามาติดอันดับท็อปในรุ่น Senior เคียงคู่ไปกับนักกีฬาทีมชาติหลายคน เธอบอกว่า สามปีที่ผ่านมา ได้ทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกซ้อมขี่ม้าอย่างจริงจังและใช้เวลาเกือบสามปีในการไต่ระดับจากที่เคยกระโดดในระดับความสูง 80 ซม มาเป็น 140 ซมในปัจจุบัน
ในปี 2555-2556 นี้ เสียงซอ ได้ทำการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยถึงสองรุ่นคือรุ่น Senior และ Young Rider โดยเก็บคะแนนมาแล้ว 7 สนาม และมีคะแนนนำอยู่ในทั้งสองรุ่นเช่นกัน สำหรับสนามFinal ที่ไทยโปโล ในรุ่น Senior ที่เป็นรุ่นคิงส์คัพ มีการแข่งขันสองรอบ รอบแรกคือ การกระโดดที่ความสูง 130-140 ซม ส่วนรอบสองซึ่งเป็นรอบไฮไลท์ อยู่ที่ความสูง 140 ซม แบบ full course ซึ่งผลปรากฎว่าในรอบแรกเสียงซอทำคะแนนได้ไม่ดีนัก โดยเตะเครื่องตกไป 2 เคร่ือง และใช้เวลาเกินอีก ทำให้มีคะแนนเสียทั้งสิ้น 9 คะแนน ส่วนรอบสองเสียงซอระวังมากขึ้น มีคะแนนเสียไป 8 คะแนน รวมสองรอบ มีคะแนนเสีย 17 คะแนน ในขณะที่ ฝ้าย มัณศิกา นักกีฬาชุดทีมชาติซีเกมส์ปี2010 ซึ่งทำคะแนนรวมสองรอบได้ดีกว่าเสียงซอ คือมีคะแนนรวมสองรอบที่ 16 คะแนน จากการเสีย 4 คะแนนในรอบแรกและเสียอีก 12 คะแนนในรอบ 2 จึงเอาชนะในสนาม final ไปได้อย่างเฉียวฉิว ที่ 16 ต่อ 17 คะแนน อย่างไรก็ดี เมื่อรวมคะแนนทั้ง 8 สนามแล้ว เสียงซอซึ่งมีคะแนนนำโด่งมาตั้งแต่ต้น ก็คว้าถ้วยพระราชทานคิงส์คัพปีนี้ไปได้สำเร็จ
ต้น เจตกรณ์ หนุ่มไฟแรงแห่งวงการเอ็นดูแรนซ์ คว้าแชมป์ปีนี้
Jettakorn Meechokchai and Aragon
คงจะมีคนสงสัย ว่าหนุ่มน้อย ตัวสูงชะลูด หน้าตาเหมือนเสก โลโซ ที่ขี่ม้าArabianสีเทา คนนี้เป็นใคร ถ้าได้ติดตามกันเมื่อเดือนก่อนที่ประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าไปแข่งขัน Pre SEA Games ที่ประเทศพม่าก็จะได้รู้ว่า น้องคนนี้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยประเภทเอ็นดูแรนซ์ มีนามว่า ต้น เจตกรณ์ มีโชคชัย วัย 20 ปี ที่เพิ่งคว้าเหรียญทองแดงจากการแข่งขันPre-SEA Gamesที่พม่ามาหมาดๆ ต้นเล่าว่า ตนขี่ม้ามาได้ 9 ปีแล้วโดยเริ่มจากการขี่ม้าแบบคาวบอยมา 7 ปี และมาเริ่มแข่งเอ็นดูแรนซ์ได้สองปีโดยมีโค้ช คือนายยอดชัย มีโชคชัย ซึ่งเป็นคุณพ่อของต้นนั่นเอง สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ที่สโมสรไทยโปโล เป็นการแข่งขันเก็บคะแนนเพื่อqualify ซีเกมส์ที่พม่าเป็นครั้งแรก โดยใช้ระยะทางทั้งสิ้น 40 กม. และมีนักกีฬาเข้าร่วมกว่า 50 คน ผลปรากฎว่า ต้น กับม้า Aragon ทำเวลาได้ดีที่สุด ที่ 2 ชม 32 นาที ในขณะที่ยังสามารถประคองม้าให้เข้าเส้นชัยได้ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดด้วย (หลังผ่านการตรวจจากสัตวแพทย์แล้ว) จึงคว้าชัยในรอบนี้รวมถึงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพไปครองได้สำเร็จ
จับตาดูนักกีฬาขี่ม้าเยาวชน สายเลือดใหม่ของทีมไทย
Dressage:
นาทีนี้ถ้าไม่นับรวมรุ่นใหญ่ สองนักกีฬาที่น่าจับตามองก็คงหนีไม่พ้น น้องเอ่ย ภัคจิรา ธงภักดิ์ และน้องวิน ศุพสิน คงพันธุ์ ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาทั้งสองคนทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและรักษาฟอร์มไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ โดยน้องเอ่ย สามารถคว้าแชมป์ประเทศไทยในรุ่น Young Rider ไปครองได้เป็นปีที่สองติดต่อกัน รวมถึงแชมป์กีฬามหาวิทยาลัย ส่วนในระดับนานาชาติ น้องเอ่ยได้เป็นตัวแทนทีมไทยไปแข่ง Pre-SEA Games ที่ประเทศพม่าและคว้าเหรียญเงินทั้งประเภทบุคคลและทีม ล่าสุดได้ไปแข่งขันที่มาเลเซียและชนะเลิศรายการ CDIY Borrow Horseด้วย
Pakjira Thongpakdi on Filou
Supasin Kongpun with Roma Vera
ส่วนน้องวิน เด็กน้อยวัยเพียง 12 ปี ที่ควบตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยรุ่น Sub Junior กับ Junior และเป็นรองแชมป์ในรุ่น Young Rider ยังเคยผ่านการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่เชียงใหม่เมื่อปลายปีที่ผ่านมาและได้รางวัลชนะเลิศมาด้วย
นักกีฬาทั้งสอง ต่างเอาจริงเอาจังกับการขี่ม้าเดรสซาจมาก และได้มีโอกาสไปฝึกที่ประเทศเยอรมันเพื่อพัฒนาตัวเองตลอดมา ในอนาคตไม่ไกลคงได้เห็นทั้งสองคนนี้แข่งในนามทีมชาติแน่นอน ฟันธง!!!
Jumping:
กีฬาขี่ม้าประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางจัดเป็นกีฬายอดนิยม จึงมีน้องๆรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาอย่างสมำ่เสมอ ส่วนนักกีฬาที่ทำผลงานได้โดดเด่นจนน่าจับตามองก็คือน้องปลาย ณัฐพร ตรีรัตนชาติ และน้องจูเลีย มาซอคกี้ ที่สามารถสร้างผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ
Nattaporn Triratanachat with Kalindra
Giulia Mazzocchi riding Waikiki
น้องปราย สามารถก้าวขึ้นมาแข่งขันกับรุ่นพี่ๆได้อย่างสูสี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนน้องจูเลียก็สามารถคว้าแชมป์ในรุ่น Junior ทั้งของรายการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยและรุ่น Open
ต้องขอชื่นชมค่าย Horse Lover ที่สร้างนักกีฬากระโดดรุ่นใหม่มาประดับวงการได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ
Eventing:
ถ้าจะไม่พูดถึง หนุ่มน้อยจากเชียงใหม่ทั้งสองคนนี้คงไม่ได้ เพราะเป็นดาวรุ่งพุ่งขึ้นมาต่อกรกับรุ่นใหญ่ได้อย่างสูสี ถึงแม้จะยังอ่อนในเรื่องของประสบการณ์แต่พัฒนาการการขี่และใจไม่เป็นรองใครแน่นอน สองคนที่ว่านี้ก็คือ น้องกั๊ม ศุภณัฐ วรรณกุล และน้องนัท กรธวัช สำราญ
ในปีที่ผ่านมาน้องกั๊มสร้างผลงานไว้มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องกระโดดหรือ Eventing ไล่มาตั้งแต่เป็นแชมป์กีฬาแห่งชาติที่เชียงใหม่ ทีมชนะเลิศ CSIY-B Bangkok เมื่อต้นปีที่ผ่านมา รวมถึงชนะเลิศการแข่ง Derbyที่สนามเป้า นับเป็นนักกีฬา Eventingที่น่าจับตามอง
Supanut Wannakool and Hancock in Thailand Championships CNC 1*
Korntawat Samran at Yamanishi Eventing 2012 in Japan
สำหรับน้องนัท เด็กหนุ่มวัย 15 ที่ปีที่แล้วเริ่มลงแข่งขัน Eventing อย่างจริงจัง สามารถคว้าแชมป์ทั้งระดับ Pre-Novice และ CIC* มาได้เมื่อปีที่แล้ว และได้เป็นตัวแทนทีมไทยไปแข่งที่ญี่ปุ่น จนสามารถคว้ารองแชมป์ All Nippon ในรุ่น Junior มาครองได้ ได้ข่าวมาว่าช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา น้องนัทได้เดินทางไปฝึกซ้อมที่นิวซีแลนด์ ประเทศที่สร้างยอดนักกีฬาขี่ม้า Eventing ระดับโลกมามากมาย ถึงแม้จะพลาดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยในรอบนี้ เราคงได้เห็นฝีไม้ลายมือของเค้าในอีกเร็วๆนี้
ต้องมาคอยดูผลงานของทั้งสองคนนี้ในรายการ MaxWin CIC* ในปลายเดือนนี้กันครับ ไม่แน่ว่าปีหน้าเราอาจจะได้เห็นชื่อสองคนนี้เป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งเอเชี่ยนเกมส์ที่เกาหลีก็ได้
สรุปผลการแข่งขันขี่ม้าชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 21 ประจำปี 2556:
- ประเภทศิลปการบังคับม้า ได้แก่ ภคินี พันธาภา ขี่ม้า Tayutin
- ประเภทขี่ม้าอีเวนท์ติ้ง ได้แก่ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ ขี่ม้า Monarch Royal Touch
- ประเภทขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ได้แก่ เสียงซอ เลิศรัตนชัย ขี่ม้า Victory B
- ประเภทขี่ม้ามาราธอน ได้แก่ เจตกรณ์ มีโชคชัย ขี่ม้า Aragon
Thailand Equestrian Championships "King's Cup" 2013 Winners: (left to right) Jettakorn Meechokchai/Endurance, Weerapat Pitakanonda/Eventing, Siengsaw Lertratanachai/Show Jumping, Pakinee Pantapa/Dressage
********
(all photo via facebook.com/horsemoveth)
********
No comments:
Post a Comment