สำหรับประเทศไทยส่งนักกีฬาเข้าแข่งขั
และเมื่อวันศุกร์ที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา สมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทยได้เข้าร่วมงานแถลงข่าว "Meet The Press" ของสมาคมนักข่าวช่างภาพกีฬาฯเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของนักกี
โค้งสุดท้ายโอลิมปิค
ณีนาและม้าทั้ง 4 ตัว เดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา เนื่องจากต้องการให้ม้าได้ปรับตัวกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันขี่ม้า ยิ่งม้าปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้มากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อผลการแข่งขันมากเท่านั้น โดยระหว่างการเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศอังกฤษ ณีนาได้วางแผนการแข่งขันเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการแข่งขันโอลิมปิคที่จะมาถึง โดยณีนาลงแข่งไปแล้ว 3 รายการ คือที่ Aston-le-Walls, Houghton Hall และ Bramham โดยเธอและม้าสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างน่าพอใจ
สำหรับม้าทั้งสี่ตัวตอนนี้อยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด และเธอจะลงแข่งอีกครั้งที่ Barbury Castle ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน ถึง 1 กรกฏาคม ซึ่งเป็นการลงแข่งสนามใหญ่รอบสุดท้าย ก่อนตัดสินใจเลือกม้าคู่ใจและวัดผลการแข่งขันกับนักกีฬาชาติต่างๆที่เดินทางมาถึงประเทศอังกฤษแล้ว ซึ่งนักกีฬากว่า 70% ที่เป็นตัวแทนทีมชาติต่างๆก็ใช้รายการนี้เป็นสนามซ้อมใหญ่เช่นกัน
จากการจัดอันดับโลกเมื่อเดือนมีนาคม 2012 ณีนา อยู่ในอันดับที่ 38 ของโลก และอยู่ในอันดับที่ 11 ของการคัดตัวโอลิมปิคประเภทบุคคล
การเก็บคะแนนสะสมโอลิมปิค
ในกีฬาขี่ม้าประเภทอีเวนท์ติ้ง นักกีฬาทุกคนจากทุกประเทศทั่วโลกจะต้องทำการแข่งขันเก็บคะแนนเพื่อแย่งสิทธิในการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิค โดยมีนักกีฬาเพียง 75 คนที่ดีที่สุดเท่านั้นที่จะได้ลงแข่ง
สำหรับการแข่งขันคัดตัวเก็บคะแนนเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2011 และสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2012 โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกจะแบ่งออกเป็นนักกีฬาประเภททีม 11 ทีม หรือ 55 คน ส่วนอีก 20 คนเป็นนักกีฬาที่เข้าแข่งขันในประเภทบุคคล สำหรับประเทศไทยไม่มีนักกีฬาขี่ม้าในระดับนี้พอที่จะแข่งเป็นทีมได้ ณีนาจึงเป็นตัวแทนประเทศไทยเพียงคนเดียวที่จะต้องแข่งขันกับนักกีฬาทั้งโลก เพียงเพื่อแย่งสิทธิเพียงหนึ่งเดียวใน 20 ลำดับของประเภทบุคคล
ม้าที่ใช้ในการแข่งขัน
ในการลงแข่งขันแต่ละแมทช์ณีนามีม้าระดับสุดยอดที่ใช้แข่งขันถึง 4 ตัว ได้แก่
- Fernhill Fearless (ม้าระดับ 3 star)
- Butts Leon (ม้าระดับ 4 star)
- Jazz King (ม้าระดับ 3 star)
- Tipperary Liadhnan (ม้าระดับ 4 star)
แต่สุดท้ายแล้วเมื่อถึงคราวลงแข่งขันจริงในโอลิมปิค ณีนาจะต้องเลือกม้าคู่ใจเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น โดยณีนาจะเลือกม้าตัวที่ร่างกายสมบูรณ์ที่สุดและฟอร์มการแข่งดีที่สุดในการส่งชื่อลงแข่งโอลิมปิค
การเก็บตัวฝึกซ้อมในปีที่ผ่านมา
หนึ่งปีที่ผ่านมาณีนาลงแข่งขันหลายรายการตลอดทั้งปีซึ่งต้องใช้ความมุมานะและอดทนอย่างมาก เธอตระเวนแข่งขันไปเกือบทุกที่ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสาธารณรัฐเชค หลังจากลงแข่งขันไม่กี่นัด ณีนาก็ได้สร้างความประหลาดใจแก่วงการขี่ม้าในต่างประเทศเพราะเด็กผู้หญิงสายเลือดไทยคนนี้สามารถเอาชนะนักกีฬาตัวเต็งในการแข่งขันระดับนานาชาติได้หลายรายการ โดยเฉพาะรายการใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐเชค
และล่าสุดเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณีนาก็ชนะเลิศการแข่งขันเก็บคะแนนโค้งสุดท้ายที่อเมริกามาได้ทำให้สื่อขี่ม้าต่างแดนต่างประโคมข่าวณีนา และถี่ขึ้นเรื่อยๆเมื่อเธอคว้ารางวัล Rising Star ของสหพันธ์ขี่ม้านานาชาติ (Fédération Equestre Internationale) ในเดือนพฤศจิกายน 2011
ผลงานในระดับทีมชาติไทย
เส้นทางที่ช่วยปูทางและสานฝันให้กับณีนาเริ่มต้นขึ้นในปี 2007 เมื่อเธอตัดสินใจลงแข่งขันในนามนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 ที่จัดขึ้นที่เมืองไทย ด้วยวัยเพียง16 ปี ณีนาสามารถคว้าสองเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาขี่ม้าประเภทอีเวนท์ติ้งได้สำเร็จ และครั้งนั้นเธอก็ได้พิสูจน์ให้คนไทยทั้งประเทศเห็นถึงความเป็นนักกีฬามือหนึ่งของเธอ และแจ้งเกิดในวงการขี่ม้าไทยนับแต่นั้นมา
หลังจากจบกีฬาซีเกมส์ไปสามปีในปี 2010 ณีนากลับมารับใช้ชาติอีกครั้งในกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ครั้งนี้ณีนากลับมาด้วยฟอร์มที่เก่งขึ้น เติบโตขึ้นและเป็นความหวังของทีมชาติไทย ณีนาเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทย คว้าเหรียญเงินประเภททีมมาครอง และได้อันดับที่ 4 ประเภทบุคคล
กีฬาขี่ม้า ประเภทอีเวนท์ติ้ง
กีฬาอีเวนท์ติ้งเป็นกีฬาที่ต้องแข่งขันกันถึงสามวัน เหมือนไตรกีฬา โดยแต่ละวันนักกีฬาและม้าจะต้องผ่านการทดสอบประเภทต่างๆ เริ่มจากการแข่งขันศิลปการบังคับม้า (Dressage) ในวันแรก การกระโดดในภูมิประเทศ (Cross Country) ในวันที่สอง และขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping) ในวันที่สาม โดยนักกีฬาและม้าที่ทำคะแนนเสียน้อยที่สุดของทั้งสามวันจะเป็นผู้ชนะ
ข่าวอัพเดทประจำวันของน้องณี นาติดตามได้ที่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ horsemove.th@gmail.com และติดตามข่าวอัพเดทวงการขี่ม้ าที่
www.horsemovethailand.com
No comments:
Post a Comment