Saturday, June 16, 2012

A Diary from Bromont CCI 2012 สนามชี้ชะตานักกีฬาอีเวนท์ติ้งอเมริกา





กว่า 10 วันในแคนาดา....

หายไปนานสำหรับการอัพเดทใน Horsemove นะครับ เนื่องจากต้องเดินทางไกลไปประเทศแคนาดา เพื่อเป็นกรรมการ (TD หรือชื่อเต็มว่า Technical Delegate) ในรายการ VOLVO Bromont Three Day Event ระหว่างวันที่ 7-10 มิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เราก็ยังอัพเดทข่าวสารใน Facebook และ Twitterเหมือนเดิมนะครับ
ในช่วง2-3ปีที่ผ่านมา การแข่งอีเวนท์ติ้งที่เมือง Bromont รัฐQuebec ประเทศแคนาดา เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในระดับนานาชาติ เราคงได้ยินชื่อ Bromont อยู่บ่อยครั้ง เพราะในช่วงหลังๆ นักกีฬาระดับโลกทั้งหลายมักไม่พลาดการเข้าร่วมการแข่งขันที่นี่ จนทำให้ที่นี่พัฒนาจนเป็นหนึ่งในสนามสุดยอดของทวีปอเมริกาเหนือ



เมื่อผมมาถึงงานในวันที่ 3 กค. (1 สัปดาห์ก่อนการแข่งขัน) ต้องบอกว่าที่นี่เป็นสนามที่สวยมากๆ โดยเฉพาะตัว Stadium ที่ใช้แข่งขันขี่ม้ากระโดดและศิลปการบังคับม้า ได้ถูกออกแบบมาอย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ที่นี่ยังเคยเป็นสนามจัดการแข่งขันขี่ม้าในโอลิมปิคเมื่อปี1976 อีกด้วย

กรรมการที่มาตัดสินก็ล้วนแต่เป็นกรรมการระดับสุดยอดอีกเช่นกัน โดยกรรมการเหล่านี้มาจากประเทศต่างๆจากแทบทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ แคนาดา เม็กซิโก และสุดท้าย คือ ประเทศไทย และส่วนใหญ่นั้นกรรมการตัดสินอยู่ในระดับ 4 Star ส่วน Course Designer ก็มีดีกรีเป็นถึงผู้ออกแบบสนามท่ี Rolex Kentucky 3DE ปีล่าสุด 




Course inspection by the officials

Competition Arena

With my mentor, Andy Griffiths

VOLVO The Official Sponsor of Bromont CCI 2012

Official banner of VOLVO Bromont CCI 2012

ไปตัดสินที่นี่ได้ยังไง?

ต้องบอกว่าโอกาสที่จะได้มางานใหญ่ระดับนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆสำหรับกรรมการรุ่นใหม่และมาจาก"เอเชีย" ต้องขอบคุณ FEI ที่เค้ามีโครงการที่เรียกว่า Global Education Program ที่แต่ละปีจะรับสมัครและคัดเลือกกรรมการเลือดใหม่จากประเทศต่างๆทั่วโลกประมาณ 30 คน เพื่อเข้าร่วมโครงการนี้
โดยจะส่งกรรมการที่คัดเลือกไปร่วมงานกับกรรมการ รุ่น Senior เพื่อเปิดโลกทัศน์และเรียนรู้ประสบการณ์จากการแข่งขันใหญ่ๆองโลก ส่วนเรื่อง ค่าใช้จ่าย FEI จะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดให้เอง


Dressage Arena


Philip Dutton and Atlas in CCI 3*


สำหรับงาน VOLVO Bromont Three Day Event  นอกจากจะเป็นงานใหญ่ประจำปีแล้ว การแข่งขันในปีนี้ยังมีความพิเศษตรงที่ ทีมชาติอเมริกา และทีมชาติแคนาดา ต้องใช้สนามแห่งนี้เป็นตัวตัดสินชี้ชะตาในการคัดเลือกนักกีฬาที่จะเข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิค  โดยคนที่ทำผลงานได้ดีก็มีสิทธิ์ติดทีมชาติสูง เพราะฉะนั้นผมจึงได้มีโอกาสเจอกับนักกีฬาระดับทีมชาติทุกคน (เป็นแมทช์บังคับที่ทุกคนต้องลง) ส่วนบรรยากาศการแข่งขันเรียกได้ว่าใส่กันเต็มที่ทุกคนไม่มียั้ง!

ก่อนการแข่งขันเริ่มขึ้น ผมได้เจอนักกีฬาระดับตำนานหลายคน ทั้ง Bruce Davidson, Mark Phillip, David O'corner รวมถึงนักกีฬาที่มาแรงที่สุดในอเมริกาไม่ว่าจะเป็น Phillip Dutton และ Boyd Martin (ทั้งสองคนเป็นตัวเต็งในลอนดอนเกมส์) นอกจากนี้ยังมีเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยที่นักกีฬาหลายคนเดินมาหาผมแล้วบอกว่า "I know Nina!" พร้อมชมกับผมว่า น้องณีนา ของเราเป็นนักกีฬาดาวรุ่งที่โดดเด่นมากคนนึงที่เขาเคยพบเลยทีเดียว จริงๆแล้ว น้องณีนาเองก็ได้มาแข่งขันที่ Bromont เมื่อปี 2010  และสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศและรองชนะเลิศในระดับ 1 Star มาได้ 


Team USA Shortlist via Eventing Nation (updated on 11 June 2012)

ประสบการณ์ และความประทับใจ

สำหรับในปี 2012 มีการแข่งอยู่ 4 รุ่น คือ CCI*/CCI**/CCI***/CIC*** ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีเครื่อง Cross Country แยกกันไปคนละเส้นทาง พอมองไปแล้วจะเห็นสนามเขียวๆแล้วมีเครื่องอยู่เต็มไปหมด โดยรุ่น highlight จะอยู่ที่การแข่งขัน CIC*** ที่ระยะทางไม่ยาวนักแต่เครื่องกระโดดสูงเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ (สูง 120 cm กว้างด้านบน 180 cm ฐานกว้าง 270 cm)  ส่วน Course Designer ก็จะค่อยๆเพิ่มความยากของเครื่องกระโดด จากเครื่องง่ายๆ (แต่ความสูงเท่าเดิมครับ) ไปเป็นเครื่องที่ต้องใช้เทคนิคในการควบคุมม้าอย่างสูงในช่วงกลางๆของคอร์สและกลับมาง่ายๆอีกครั้งในตอนจบ

ผมได้คุยกับ Course Designer Mr. Derek และได้ข้อคิดสำคัญในการออกแบบสนามว่า "มันไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องตั้งเครื่องให้ยากจนเกินไป และมันไม่ใช่ความสำเร็จที่นักกีฬาและม้าไม่สามารถผ่านเครื่องกระโดดของเราได้  เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเรา Course Designer คือต้องการให้ม้าทุกตัวจบการแข่งขัน แต่ต้องมีมาตรฐาน (ความสูง/ความกว้าง) ตามระดับนั้นๆ เพราะฉะนั้นผู้ออกแบบจะต้องรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่และต้องการทดสอบอะไรจากคนขี่และม้าในเครื่องนั้นๆ"




Cross Country Fence

หลังการแข่งขันจบ รายการนี้ทำให้ผมรู้ว่าระดับการแข่งขันของที่นี่สูงจริงๆครับ คนและม้าที่จะชนะการแข่งขันได้ต้องมีความแข็งแกร่งอย่างมากในการทดสอบทั้งสามวัน เพราะคะแนนการแข่งขันแต่ละวันจะสูสีกันมาก และหากมีใครพลาดเตะเครื่องกระโดดเพียงเครื่องเดียวในวันสุดท้าย จากที่เคยนำอยู่ก็สามารถตกลงไปได้หลายลำดับเลยเช่นกัน

ย้อนกลับมาดู น้องณีนา นักกีฬาขี่ม้าไทยก่อน qualify โอลิมปิค

หวนกลับมามองน้องณีนาในปีที่ผ่านมาแล้ว บอกได้คำเดียวว่าน้องเค้ามีความมุ่งมั่นสูง และทำงานหนักมากจริงๆ เพราะในการเก็บคะแนนสะสมเพื่อ qualify โอลิมปิค จะนับคะแนนเฉพาะรุ่น 3 Star เท่านั้น และถึงแม้จะลงแข่งขันทุกแมทช์แต่ถ้าไม่ชนะหรือได้ลำดับต้นๆในการแข่งขัน ก็จะมีคะแนนไม่มากพอที่จะไปqualify ในโอลิมปิคครั้งนี้  แถมนักกีฬาที่มาทำการแข่งขันเพื่อแย่งกันเก็บคะแนนสะสมเพื่อqualify ก็คือเหล่านักกีฬาระดับสุดยอดของกลุ่มอเมริกาเหนือทั้งนั้น (ณีนาทำการแข่งขันในทวีปอเมกาเหนือและยุโรปเท่านั้น) ดังนั้นการจะได้แชมป์ในแต่ละสนาม จะต้องฟันฝ่าคนพวกนี้มาให้ได้ และน้องณีนาก็ทำได้สำเร็จ โดยสามารถแข่งขันกับนักกีฬาพวกนี้ได้อย่างสูสี และชนะการแข่งขันระดับ 3 Star อีกหลายแมตช์ ผมสรุปให้เลยว่า น้องณีนา เธอคือ “ของจริง” ครับ!



 

No comments:

Post a Comment