การแข่งขันอีเวนท์ติ้งในโอลิมปิค ทำให้รู้ว่ากีฬาประเภทนี้เป็นเกมส์การแข่งขันที่นักกีฬาต้องเก่งรอบด้านจริงๆ
เยอรมนีเก๋าสุด Germany RULES the Eventing World!
Olympic Eventing Gold Medalist - Michael Yung GER and Sam
Michael Jung นักกีฬาชาวเยอรมัน วัย 30 ปี ผู้ชนะเหรียญทองในคราวนี้ เป็นนักกีฬาระดับสุดยอดของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้ เค้าเป็นแชมป์WEG 2010 เป็นแชมป์ European Championships 2011 และล่าสุดเป็นแชมป์โอลิมปิคปี 2012 นี้ด้วย โดยครองถึงสองเหรียญทองทั้งในประเภททีมและประเภทบุคคล ทำให้เค้ากลายเป็นสุดยอfนักกีฬาอีเวนท์ติ้งอย่างแท้จริง
นอกจากการเป็นยอดฝีมือในการขี่ Cross Country แล้ว Jung ยังเป็นนักกีฬาอีเวนท์ติ้งที่สามารถขี่ Dressage ได้ดีในระดับ Grand Prix และเป็นนักกีฬาที่กระโดดได้ในระดับ 160 cm แถมยังสามารถขี่ภายใต้สภาวะกดดันๆได้เป็นอย่างดี แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจจริงๆ เพราะท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างฮึกเหิมของสาวก Team GB ตลอดสามวันก็คงทำให้นักกีฬาไหวหวั่นได้เหมือนกัน แต่ Jung ก็ยังสามารถทำผลงานอย่างดีที่สุดได้
ในโอลิมปิคครั้งนี้ นอกจากผมจะชื่นชมนักกีฬาเยอรมันแล้ว ต้องบอกว่าอีกสองประเทศที่ผมประทับใจมากมากๆ คือนักกีฬาจากนิวซีแลนด์และสวีเดน
สำหรับทีม NZL ที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็น Andrew Nicholson ที่ทำคะแนนได้คงที่มากๆ ไม่มีคะแนนเสียเพิ่มเลยจากวันแรกเลยจนวันสุดท้าย และมีคะแนนเสียน้อยที่สุดในทีม รวมถึง Mark Todd นักกีฬาดีกรีสองเหรียญทองโอลิมปิค ที่อายุถึง 56 ปีและผ่านเวทีระดับโลกมานับไม่ถ้วน ก่อนหน้านี้เค้าเลิกขี่ม้ามาเกือบ 8 ปีและมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในปี 2008 ซึ่งผลงานก็โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆและครั้งนี้ที่ลอนดอนโอลิมปิค เค้าและ Andrew ก็นำทีมคว้าชัยเหรียญทองแดงมาอีกจนได้
ส่วนสวีเดน Sara Algotsson Ostholt ภรรยาของทีมชาติเยอรมัน Frank Ostholt ที่คว้าเหรียญเงินประเภทบุคคลมาครองสามารถทำคะแนนนำโด่งมาได้ตั้งแต่วันแรก และไม่มีคะแนนเสียเลย จนมาพลาดท่าในวันแข่งรอบ Jumping Final ที่เธอเตะเครื่องกระโดดเครื่องสุดท้ายไปทำให้เหรียญทองตกเป็นของMichael Jung โดยปริยาย
Andrew Nicholson NZL and Nereo finished fourth in Individual.
ส่วนสวีเดน Sara Algotsson Ostholt ภรรยาของทีมชาติเยอรมัน Frank Ostholt ที่คว้าเหรียญเงินประเภทบุคคลมาครองสามารถทำคะแนนนำโด่งมาได้ตั้งแต่วันแรก และไม่มีคะแนนเสียเลย จนมาพลาดท่าในวันแข่งรอบ Jumping Final ที่เธอเตะเครื่องกระโดดเครื่องสุดท้ายไปทำให้เหรียญทองตกเป็นของMichael Jung โดยปริยาย
Sara Algotsson Ostholt and Wega from Sweden riding in the real top form. They are also one of my favourite pairs!
USA-AUSTRALIA จบข่าว! ตัวเก็ง ม้าเจ็บ-ตกม้า
เป็นที่น่าเสียดายที่ประเทศเด่นๆอย่างสหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ที่มีจุดแข็งในกีฬาขี่ม้าประเภทอีเวนท์ติ้งมากที่สุดกลับไม่สามารถคว้าเหรียญกลับบ้านได้เลยซักเหรียญ
สำหรับทีมออสเตรเลียประกอบด้วยนักกีฬาทีมชาติมากประสบการณ์ที่เก็บตัวอยู่ในอังกฤษล้วนๆ ตัวหลักของทีมเห็นจะเป็น Clayton-Lucinda Fredericks สองสามีภรรยาที่คว้าเหรียญเงินโอลิมปิค ปี 2008 และพี่ใหญ่อย่าง Andrew Hoy ที่มีดีกรีถึงสามเหรียญทองโอลิมปิค และครั้งนี้ก็เป็นโอลิมปิคครั้งที่ 7 แล้วด้วย ทำให้ทีมชาติออสเตรเลียน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย แต่ในการแข่งขัน ผลงานในวันครอสคันทรีถูกพลิกล็อคเมื่อมีนักกีฬาทีมชาติออสซี่สองคนพลาดตกจากม้า (Clayton Fredericks กับ Sam Griffiths) เลยเป็นเหตุให้ทีมออสเตรเลียต้องหลุดโผไปโดยปริยาย
ส่วนทีม USA นั้นก็มีนักกีฬาโพรไฟล์ดีๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสองคนเด่นที่อดีตเป็นคนออสเตรเลีย คนแรก Phillip Dutton แชมป์โอลิมปิคสองสมัยของทีมออสเตรเลีย ที่เริ่มแข่งในนามทีมชาติอเมริกาเมื่อโอลิมปิคที่แล้ว อีกคนคือ Boyd Martin หนุ่มไฟแรงลูกครึ่งออสเตรเลีย-อเมริกัน ที่ย้ายมาอยู่อเมริกาและทำผลงานได้ดีทั้งใน WEG 2010 และ Kentucky CCI 4* 2012 นอกจากนี้ในทีมยังมี Karen O’Connor ที่มีประสบการณ์เข้าแข่งโอลิมปิคถึง 5 ครั้ง และเคยคว้าทั้งเหรียญเงินและเหรียญทองประเภททีมมาแล้วด้วย อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าตั้งแต่วันแรกในการแข่งขัน Dressage ทีมชาติอเมริกาไม่สามารถตีตื้นคะแนนขึ้นมาได้เลย และในวัน trot up ก่อนการแข่งขันกระโดด Boyd Martin ก็ต้องขอถอนตัวเพราะม้าเจ็บอีก ทำให้หมดสิทธิ์ลุ้นเหรียญรางวัลไปอีกทีม
อายุเป็นเพียงตัวเลข ประสบการณ์สำคัญที่สุด
ไม่ใช่แค่กีฬาขี่ม้าเท่านั้นหรอกครับ ทุกประเภทกีฬาในโลกนี้ต่างต้องอาศัยประสบการณ์ด้วยกันทั้งนั้น จะเห็นได้ว่านักกีฬาที่ได้มาแข่งโอลิมปิคส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาที่ถูกคัดสรรมาแล้วว่ามีความเก๋าเกมส์ เก๋าฝีมือ เก๋าเทคนิค และก็พร้อม “ชน” กับชาติคู่แข่งแบบไร้กังวัล
Mary King GBR riding Imperial Cavaliar at the age of 51!
แต่สำหรับกีฬาขี่ม้า ข้อได้เปรียบอย่างนึงที่เห็นได้ชัดคือกีฬาชนิดนี้สามารถเล่นได้ในช่วงอายุยาวนานมาก สังเกตได้จากนักกีฬาในโอลิมปิครอบนี้ เช่น Mark Todd หรือ Mary King ที่วัยเกือบจะ 60 แล้ว แต่ก็ยังขี่ม้าลงแข่งขันอยู่บ่อยๆ ยิ่งนักกีฬาอายุมาก ผ่านการแข่งมามาก ประสบการณ์ในการขี่ก็สูงไปด้วย ทำให้สามารถใช้ความเก๋าเอาตัวรอดและสร้างผลงานที่ดีที่สุดได้ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดฝันมาก่อนก็ตาม
At age 56, Mard Todd became the oldest rider in Eventing competition at London Olympics. Todd and Campino riding for New Zealand.
ข้อหา “ม้าสำเร็จรูปกับการเข้าสู่โอลิมปิค”
ม้านั้นสำคัญไฉน....ทั้งม้าเทพ ม้าประสบการณ์สูง ต่างเป็นที่ต้องการของนักกีฬาเพื่อให้ได้ก้าวไปตามฝัน
ต้องรู้ไว้ก่อนครับว่า กีฬาอีเวนท์ติ้งเป็นกีฬาที่ต้องใช้เทคนิคถึงสามอย่างและยาวนานถึงสามวัน ถือเป็นบททดสอบที่หินเอามากๆ และหากนักกีฬาและม้าไม่เจ๋งจริงแถมโชคไม่เข้าข้างอีก เป้าหมายที่ตั้งไว้ของแต่ละคนก็อาจจะคลาดเคลื่อนได้ไม่มากก็น้อย ถ้าคนขี่เก่งแต่ม้ายังไม่ถึงขั้น การจะก้าวขึ้นไปสู่ระดับสูงๆด้วยกันก็คงยาก ในทางตรงกันข้าม คนขี่รุ่นใหม่ไฟแรงที่มีทักษะสูง แต่ประสบการณ์น้อย ได้ขี่ม้าที่เก่งก็คงมีสิทธิ์ได้ทำตามเป้าที่สูงขึ้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คงไม่แปลกที่เราได้เห็นนักกีฬาทีมชาติหลายคนควานหาม้าใหม่กันให้วุ่นก่อนการแข่งขันโอลิมปิคจะเริ่มขึ้น เพราะนักกีฬาเหล่านั้นต่างก็มีโอกาสควอลิฟายด์ไปถึงโอลิมปิคและสามารถลุ้นเหรียญรางวัลได้ด้วยกันทั้งนั้น
>>Phillip Dutton นักกีฬาชาวอเมริกันที่แปลงสัญชาติมาจากชาวออสซี่ ใช้ม้าMystery Whisper ที่ลูกศิษย์ของเค้าซื้อมาจาก Heath Ryan เทพอีกคนของทางออสเตรเลีย ในช่วงกลางปี 2011
>>Karen O’Connor นักกีฬาชาวอเมริกัน ภรรยาของเทพสุดอย่าง David O’Connor ที่เป็นโค้ชทีมชาติอีเวนท์ติ้งของแคนาดา ถอยม้า Mr Medicott ม้าเก่าของทีมชาติเยอรมัน Frank Ostholt ที่มีดีกรีเหรียญทองทีมจากโอลิมปิคปี 2008 ที่ฮ่องกง มาเมื่อปลายปี 2011 เพื่อใช้ในโอลิมปิค
Karen O'Connor USA on Mr Medicott.
>>Boyd Martin ลูกศิษย์ก้นกุฏิของHeath Ryan ที่เปลี่ยนสัญชาติจากชาวออสซี่มาแข่งในนามทีมชาติอเมริกันอีกคน ได้ซื้อม้า Otis Barbotiere จาก Aurelien Kahn ทีมชาติโอลิมปิคของฝรั่งเศส เมื่อปี 2011
>>Ronald Zabala นักกีฬาชาวเอกวาดอร์ เจ้าของบริษัทประกันภัย ที่รักการขี่ม้าและทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับการซ้อมเพื่อควอลิฟายด์โอลิมปิค ได้ซื้อ Master Rose ม้าเก่าของเทพชาวอังกฤษ Oliver Townend เพื่อไปฝึกและเก็บตัวกับ Phillip Dutton ที่อเมริกา
>>Nina Lamsam Ligon นักกีฬาชาวไทย ที่ถอยม้า Butts Leon เมื่อกลางปี 2011 หลังได้แชมป์ Luhmuhlen CCI 4* กับนักกีฬาชาวเยอรมัน Andreas Dibowski ตัดสินใจเลือกม้าตัวนี้ในการแข่งขันโอลิมปิคแทนที่ม้าตัวอื่นๆที่เธอฝึกมาเองกับมือ เพราะButts มีประสบการณ์มากที่สุด
>>Samantha Albert นักกีฬาชาวจาไมก้าที่อาศัยอยู่ที่อังกฤษ ได้เช่าม้า Carraig Dubh จากนักกีฬาทีมชาติอังกฤษ Tina Cook เมื่อปลายปี 2011 เพื่อแข่งขันโอลิมปิค
Nina Lamsam Ligon and Butts Leon represented Thailand in this 2012 Olympics.
อย่างไรก็ดี ในกีฬาขี่ม้าที่ต้องแข่งขันกันเป็น “คู่” ลำพังแค่ม้าซึ่งเป็นส่วนประกอบส่วนเดียวคงไม่สามารถทำให้ “กีฬาคู่” แบบนี้ประสบความสำเร็จไปได้ถึงฝั่งฝัน เพราะหากคนขี่่ไม่สามารถปรับจูนและทำความเข้าใจกับม้าของตนได้ตั้งแต่ต้น เราก็คงไม่ได้เห็นผลงานดีีๆจากนักกีฬาขี่ม้าที่กล่าวไปนี้ในโอลิมปิคที่ลอนดอนหรอกครับ
สรุปว่าไม่มีอะไรที่ “สำเร็จรูป” มาตั้งแต่ต้นแน่นอน...
Results (via london2012.com):
Gold - Germany (Sandra Auffarth/Michael Jung/Ingrid Klimke/Peter Thomsen/Dirk Schrade/) 133.70 pen.
Silver - Great Britain (Zara Philips/Mary King/Kristina Cook/William Fox-Pitt/Nicola Wilson) 144.40 pen.
Bronze - New Zealand (Jonathan Paget/Andrew Nicholson/Mark Tod/Jonelle Richards/Caroline Powell) 148.40 pen.
Gold - Michael Jung GER & Sam 40.60 pen.
Silver - Sara Algotsson Ostholt & Wega 43.30 pen.
Bronze - Sandra Auffarth & Opgun Louvo 44.80 pen.
No comments:
Post a Comment