Friday, December 24, 2010

From Dressage to Eventing : ต่อ เฉลิมฉาน กับประสบการณ์จาก Adelaide 4-star Eventing

ทุกคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีนะครับ กับคุณต่อ เฉลิมฉาน ยศวิริยะพาณิชย์ นักกีฬาขี่ม้าที่ใครๆคงรู้ดีว่ากีฬาที่เค้าถนัดสุดๆคงหนีไม่พ้นกีฬาขี่ม้าประเภท Dressage ที่เค้าทุ่มเทแรงกายแรงใจบ่มเพาะการขี่ Dressage มาเกือบ20 ปีแล้ว แต่หลังจากแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ปี2007 ที่ล่าสุดคว้าเหรียญทองแดงประเภทบุคคลและทีมมา เค้าก็ได้หันมาคลุกคลีกับกีฬาอีเวนท์ติ้งอย่างเต็มตัวในบทบาทของ Technical Delegate หรือ TD ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและดูแลทุกๆอย่างในการแข่งขัน

ผมคิดว่านักกีฬา Dressage ที่พลิกบทบาทมาสู่การทำงานด้านEventing น่าจะเป็นที่น่าสนใจครับ จึงได้ติดต่อคุณต่อ เพื่อช่วยเขียนเล่าประสบการณ์จากการไปตัดสินการแข่งขันระดับนานาชาติ Australian International 3 Day Event ที่ Adelaide ที่จบไปตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

****




ประสบการณ์จาก Adelaide 4-star Eventing -- “Australian International 3 Day Event” (AI3DE)


โดย Tor Chalermcharn

Part I
: จุดเริ่มต้นของการเดินทาง และการเตรียมการแข่งขัน

ผมได้รับคัดเลือกจาก FEI ให้ไปทำหน้าที่ Technical Delegate ในการแข่งขันขี่ม้า Eventing ที่จัดที่เมือง Adelaide ประเทศ Australia นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับกรรมการชาวไทยอย่างผมที่ปกติในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านใน South East Asia จะจัด Eventing ในระดับ 1 star หรืออย่างมากก็ 2 star เท่านั้น

การแข่งขัน Eventing แบ่งตามระดับความยาก จากที่ง่ายที่สุด 1 star ไปจนระดับที่ยากที่สุด 4 star ซึ่งในโลกนี้มีสนาม 4 star เพียงแค่ 
6 สนามเท่านั้น คือ 

(1) The Australian International Three Day Event ที่เมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย 
(2) The Rolex Kentucky Three Day Event ที่เมือง Lexington ในรัฐ Kentucky ประเทศสหรัฐอเมริกา  
(3) Burghley Horse Trials ที่เมือง Stamford, Linconshire county ประเทศอังกฤษ
(4) Badminton Horse Trials ใน Gloucestershire ประเทศอังกฤษ
(5)  The Luhmühlen Horse Trials ที่เมือง Luhmühlen ประเทศเยอรมนี 
(6) The Étoiles de Pau หรือ Stars of Pau Three Day Event ที่เมือง Pau ประเทศฝรั่งเศส

การที่ผมได้ไปร่วมตัดสินในระดับสูงสุดในโลก ทำให้ได้รับประสบการณ์ ความรู้มากมาย ทั้งยังได้รู้จักกรรมการต่างชาติท่านอื่น แต่ที่สำคัญได้สร้างความยอมรับว่าคนไทยก็มีความสามารถ

ถามว่าผมไปได้อย่างไร? ในการพัฒนากรรมการด้านต่างๆของกีฬา Eventingนั้น จำเป็นต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก FEI จึงริเริ่มโครงการ Global Education Program เพื่อคัดสรรกรรมการที่มีศักยภาพจากทั่วโลก แล้วผลักดันให้กรรมการจากโครงการนี้สามารถเติบโตเพื่อเป็นบุคลากรหลักในอนาคตสำหรับกีฬา Eventing ได้ ตัวผมได้ส่งใบสมัครไปยังโปรแกรมนี้ และได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งใน 30 คนจากทั่วโลก และเป็นคนเอเชียเพียงคนเดียวที่ได้รับเลือก

กลับมาเข้าเรื่อง Adelaide --- หลังจากมี email แจ้งมาว่า ให้ผมรับหน้าที่เป็นAssistant Technical Delegate สำหรับการแข่งขันระดับ 2* และ 4* (ซึ่งตอนหลังผมได้เป็นTD ของ 2*) ผมก็เริ่มเตรียมตัว และเตรียมความพร้อมหลายอย่าง เช่น ทำความเข้าใจกับกฎระเบียบ (ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดทุกปี) และ หาข้อมูลต่างๆที่จำเป็น เนื่องจากครั้งนี้เป็น matchใหญ่ครั้งแรกของผม

การแข่งขัน Eventing ของต่างประเทศ ต่างจากบ้านเราอย่างสิ้นเชิงครับ ทั้งในเรื่องจำนวนผู้แข่งขัน การเตรียมงาน บุคลากรที่ใช้ และความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ เช่นที่ Adelaide เค้าถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของเมืองเค้า เหมือนงานภูเก็ต Regatta เลยครับ เพราะรัฐบาลเค้าเล็งเห็นความสำคัญของกีฬาและสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวตาม concept ‘SPORT FOR TOURISM’ รัฐบาลให้ผู้จัดงานใช้สวนสาธารณะใจกลางเมือง ที่มีอยู่ 3 แห่งในการแข่งขัน (ถ้าเป็นเมืองไทยก็แข่งกันในสวนลุมฯ แต่ขนาดใหญ่กว่า 3 เท่า) ในวันแข่งเค้าปิดถนนรอบ park ที่ใช้แข่งขัน เพื่อความปลอดภัย โดยคนดูที่มีมากกว่า 20,000 คนสามารถเข้าชมได้ เหมือนเข้ามาเดินเล่นในสวน(แต่เก็บเงินค่าเข้าดู โดยตั้งรั้วรอบpark ) คนพื้นที่เองก็สนุกกับการเข้ามาดูการแข่ง ที่ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว หาที่นั่งแล้วก็ย่างบาบีคิว กินไวน์ (Adelaide อยู่ใน South Australia เป็นแหล่งไวน์มีชื่อของที่นี่ Penfolds ที่คนไทยชอบดื่มก็มาจากที่นี่ครับ)


With Andy Griffith


IEOC Meeting (IEOC = International Eventing Official Club)

ผมเดินทางไปก่อนการแข่งขัน 10 วัน เพราะต้องไปรวมทีมกับ Technical Delegate อีกสองคนคือ Mr. Andy Griffith และ Mr. Geoff Sinclair ซึ่งในตอนแรกผมไปเป็นผู้ช่วยของสองคนนี้ แต่พอเริ่มทำงานไปแล้ว จากการที่เตรียมตัวมาดีและเอาประสบการณ์จากที่จัดงานในประเทศ และประสบการณ์การเป็นนักกีฬา (เมื่อก่อนสมัยปี 1993-1995 ผมแข่ง Eventing อยู่ที่ Australia ก่อนจะข้ามไปขี่ Dressageที่ยุโรป) เค้าก็เลยประชุมกันกับทีมงาน และ FEI Headquarter สรุปให้ผมเป็น TD ในรุ่น2* โดยเราทำงานกันเป็นทีมผลัดกันตามความรับผิดชอบของแต่ละรุ่น (ถ้าเป็นรุ่นของเรา เราใหญ่สุด!!) ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ได้ทำงานอินเตอร์จริง เพราะทีมกรรมการมาจากทั่วโลก เช่น USA, UK, Sweden, Australia, Germany, New Zealand และ France


The Cross Country Track


Water Complex

ระหว่างการเตรียมงานก่อนการแข่งขัน เราก็ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมโดยเฉพาะเรื่องสนาม Cross Country ที่เป็น Highlight ของการแข่งขัน ที่สำคัญคือเค้าให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของม้าและนักกีฬามากๆ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎ เช่น ในรุ่น 4 star เครื่อง XC สูง ได ้125 ซม กว้างได้ 280 ซม ก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่หน้าที่ของTD คือ การช่วยม้าและนักกีฬาผ่านเครื่องไปได้โดยปลอดภัย เช่นการวาง Ground line การวางต้นไม้ การใช้สีของเครื่องกระโดด และในเครื่องที่มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเกิดอันตราย เค้าก็มีเรื่อง Safety fence คือถ้าม้ากระโดดไม่พ้นเครื่องและเตะหรือชนด้วยความแรงประมาณ 90กก. เครื่องจะหลุดออกมาเอง และไม่เป็นอันตรายกับม้าและคนขี่



At the competition

การวัดระยะทางก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากในระดับ 4 star เค้าให้ขี่ด้วยความเร็ว 570 เมตรต่อนาที และระยะทาง 6,300 ม. การวัดระยะจะต้องวัดให้พอดี ไม่ขาดไม่เกิน ไม่อ้อมเกินไป ไม่ตัดให้สั้นเกินไป เพราะในระดับ 4 star ทุกวินาทีเป็นคะแนนหมด (อย่างในบ้านเราแข่งขันระดับ 1 star นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ขี่ให้เร็วเข้าไว้เวลาก็ไม่เกินเอง แต่ในรุ่น4 star ใช้ความเร็วสูงสุดตลอดทำให้เรื่องเวลาเป็นปัจจัยสำคัญต่อคะแนนเสีย เพราะส่วนใหญ่จะมีคะแนนเสียจากการใช้เวลาเกิน)

ทีมงานต่างๆของที่นี่ ใช้คนประมาณ100 กว่าคน แบ่งหน้าที่กันชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น control / scoring/ venue manager/ fence builder/ safety team/ admin มีครบและทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี (ผมกังวลมากเพราะในรุ่นของผม ผมต้องเป็นคนสั่งการทั้งหมดเอง และมีอำนาจเด็ดขาดในการตัดสินใจ) ข้อดีอีกข้อกับการทำงานระดับนี้คือ การเคารพกันในหน้าที่ของแต่ละคน มีการถกเถียงกันตลอดแต่พอตัดสินใจแล้วก็จบกันไม่โกรธกัน

สำหรับภาพรวมของการแข่งขันนั้น มีม้าเข้าร่วมประมาณ 100 ตัว ถึงจะเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก แต่ทั้งหมดคือสุดยอดของออสเตรเลียที่มารวมตัวกันครบเลยครับ นักกีฬาโอลิมปิคระดับโลกก็เดินกันเต็มไปหมด เช่น Wendy Schaeffer, Heath Ryan, Stuart Tinney, Shane Rose, Natalia Blundell


Heath Ryan at the Horse Inspection

ในขณะที่ทั้งสนามมีการติดตั้งกล้อง เพื่อถ่ายทอดสดออกทีวี และส่งภาพมาที่จอยักษ์ใน Main Arena ที่คนนั่งดูกันเป็นพันคน งานนี้มี themeงานว่า Party in the Park และก็มีสถานที่รับรองสำหรับVIPด้วย


"Party in the Park" Theme


VIP tent


Our Thai flag

รอบหน้า เรามาคุยกับคุณต่อกันต่อเรื่องการทำงานกับ Course Designer และความประทับใจจากการแข่งขัน ส่วนโพสต์นี้ทิ้งท้ายไว้ด้วย vdo clip ใน cross country phase ครับ


1 comment:

  1. You can read more here:
    http://eventingnation.com/home/2011/01/so-there-is-a-cd-td-and-something-called-a-gj-why-dont-they-believe-me.html

    ReplyDelete