กำหนดการของกีฬาขี่ม้าจะเริ่มขึ้นอย่่างเป็นทางการในวันที่ 9-18 ธค.นี้ โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 3 ประเภท คือ ศิลปการบังคับม้า (Dressage) ขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Show Jumping) และ ขี่ม้ามาราธอน (Endurance) โดยประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่ วมชิงชัยครบทั้งสามประเภท เป็นจำนวนนักกีฬาทั้งสิ้น 12 คน
ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปี 2013 สมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทยได้ทำการคัดเลื อกนักกีฬาทีมชาติไทยโดยใช้วิธีการแข่ งขันแบบจับฉลากม้ าและสะสมคะแนนหลายสนาม เพื่อเฟ้นหานักกีฬาที่สามารถขี่ ม้าได้หลากหลายรูปแบบ เนื่ องจากได้โจทย์มาว่าการแข่งขันที่พม่าปีนี้ ต้องใช้ม้าที ่เจ้าภาพเตรียมไว้ให้ (ซึ่งก็คือการใช้ ม้ากลาง หรือ ม้าจับฉลาก) ซึ่งก็มีทั้งนักกีฬารุ่นเก่ามากประสบการณ์และนักกีฬารุ่นใหม่ไฟแรงมาร่วมคัดตัวกันอย่างคับคั่ง
รายชื่อของนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติ ชุดซีเกมส์ 2013
ประเภทศิลปการบังคับม้า: พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ / นาย นิธิภัทร เหง้าโอสา / นางสาว ภัคจิรา ธงภักดิ์ / นาย เทวินทร์ มานะธัญญา
ประเภทขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง: ร้อยตรี สุภาพ ขาวงาม / นางสาว เสียงซอ เลิศรัตนชัย / นางสาว จารุพร ลิมปิชาติ / นาย ศุภณัฐ วรรณกุล
ประเภทขี่ม้ามาราธอน: นาย พละพร เภาจี๋ / นาย ภัทรพล ภควประเสริฐ / นายเจตกร มีโชคชัย / จ่าสิบเอก โสภณ แจ้งกระจ่าง
หลังจากการคัดตัวได้เสร็จสิ้นลงเมื่อกลางปี ทีมนักกีฬาไทยทั้ง 12 คนได้เริ่มทำการเก็บตัวทันที โดยทีมศิลปการบังคับม้า และที
นอกจากการเก็บตัวฝึกซ้อมทั่วไปแล้ว นักกีฬายังต้องฝึกการลงแข่งขันในสนามจริงกับม้าที่ตนใช้ซ้อมขี่ด้วย และต้องหมั่นทำอยู่เรื่อยๆจนกว่าผลงานจะออกมาเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้น หลายๆคนจึงได้เห็นนักกีฬาทีมชาติซีเกมส์ชุดนี้ ขยันขนม้าไปแข่งประลองสนามในรายการแข่งขันต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง
มาถึงจุดนี้แล้ว ผมเชื่อว่านักกีฬาทุกคนที่ทุ่มเทฝึกซ้ อมมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่ านมา มีความพร้อมถึงที่สุดที่จะไปแสดงฝีมือ และมุ่งมั่นเต็มร้อยที่จะคว้าเหรียญทองกลับมาให้ ประเทศไทย
กำลังใจและเสียงเชียร์เป็นสิ่ งที่จำเป็นโดยเฉพาะเวลาไปแข่งที ่ต่างประเทศ เพราะเป็นแรงผลักดันให้นักกี ฬาทุกคนสู้อย่างเต็มที่สุ ดความสามารถ ดังนั้น ช่วยกันส่งแรงใจแรงเชียร์ให้กับนักกีฬาของเราทุกคนนะครับ ความหวังที่เราจะได้ยินเพลงชาติ ไทยดังขึ้นที่เนปิดอว์คงไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน
กำลังใจและเสียงเชียร์เป็นสิ่
ส่วนใครที่อยากให้บรรยากาศการเชียร์ครึกครื้น ก็อย่่าลืมพกธงชาติไทยขนาดเล็กใหญ่มาโบกสะพัดกันให้ติดขอบสนาม ที่คาดผม ปลอกแขนธงไทยก็ขนกันมาให้หมดครับ เพราะ เพลงชาติที่จะดังขึ้นในปีนี้ คงจะเป็นเพลงชาติที่ไพเราะที่ สุดที่ได้ฟังในชีวิตอีกครั้งหนึ่งและคงทำให้ขนลุกทุกครั้งที่ิได้ยิน
Go For Gold!!! Thailand!!!!
No comments:
Post a Comment