Wednesday, May 11, 2011

แชมป์ประเทศไทย ปี 2554 (Part 3) : Eventing

กีฬาอีเวนท์ติ้ง เป็นกีฬาของคนกลุ่มเล็กๆในประเทศไทย แต่ถือเป็นกีฬาเหรียญทองของประเทศก็ว่าได้ เพราะนักกีฬาไทยที่ได้ไปแข่งขันระดับ Asian Games หรือ SEA Games มักจะคว้าเหรียญทองกลับบ้านเสมอ  นักกีฬาที่มีผลงานโดดเด่นคงหนีไม่พ้น ปูไข่ พงศ์สิริี บรรลือวงศ์ นักกีฬาอีเวนท์ติ้งคนเดียวของประเทศไทยที่ได้ qualify ไปแข่งขันในกีฬา Olympic Games ครั้งที่ 28 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีก ในปี 2004  


ส่วนรุ่นน้องๆที่ตามมาก็คือ ณีนา ล่ำซำ ลีเกิ้น ที่กำลังฝึกซ้อมอย่างขมักเขม้นและทำการแข่งขันอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อ qualify ไปแข่งขันที่ London Olympic Games ปี 2012


อีกหนึ่งหนุ่มที่ไฟแรงไม่แพ้กัน เห็นจะเป็น น้องแมทธิว นำโชค จันต๊ะคาด ที่เพิ่งได้ตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยมาเป็นสมัยที่ 2 จากการแข่งขันรายการ King's Cup Thailand Championships เมื่อสัปดาห์ก่อน   

 "Matthew" or Namchok Jantakad won the first King's Cup at Thailand Eventing Championships 2011. Nothing came easy. Here's the photo of Matthew and his parents after the prize ceremony. 
Photo courtesy of Namchai Jantakad

ด้วยวัยเพียงไม่ถึง 18 ปี ผมถือว่าแมทธิวได้ก้าวย่างไปอีกขั้นนึงบนเส้นทางสู่ความสำเร็จในอนาคต

แมทธิว เริ่มขี่ม้าตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 (อายุประมาณ 10 ขวบ) 

"ผมเริ่มอยากขี่ม้าตอนที่ได้เห็นพี่แมคกำลังขี่ม้าอยู่ที่สโมสรวินดี้ (จ.เชียงใหม่) ตอนนั้นแค่อยากลองนั่งดู เลยนั่งซ้อนพี่แมคก่อน แต่ผมก็ติดใจมากจนตอนนี้ก็หลังติดม้าอย่างเดียวแล้ว ไม่ยอมลงอีกเลย" แมทธิวกล่าวอย่างติดตลก

จริงๆแล้วผมเห็นแมทธิวฉายแววครั้งแรกเมื่อเค้าขี่ม้า Achilles ในนามสโมสรขี่ม้าฟีนิกส์ไรดิ้งอคาเดมี่ โดยเค้าเฉือนชนะรุ่นพี่ บอมบ์ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ ไปเพียง 3 แต้มจากการแข่งขันขี่ม้ารายการ President's Cup 2009 CIC 1*  จากนั้นในปี 2010 แมทธิวก็กลับมาพร้อมกับม้าตัวใหม่ Clifton Zengarie ซึ่งทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและคว้าแชมป์ประเทศไทยปีนั้นไปได้

“ตอนนี้ Clifton Zengarie (Chestnut Thoroughbred Gelding) อายุ 11 ปีแล้ว จุดเริ่มต้นของผมกับม้าตัวนี้ เริ่มจากเมื่อปี 2009 ที่ผมได้ไปเทรนกับ Natalie Blundell ที่ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 2 เดือน ผมจึงได้มีโอกาสหาซื้อม้าเป็นของตัวเองเพื่อใช้คัดตัวทีมชาติ ในตอนแรกไม่ได้ตั้งใจที่จะไปซื้อม้าตัวนี้เลย ผมมองไว้อีก 2 ตัว เพียงแต่ระหว่างทางที่เราไปหาม้านั้น โค้ชของผมได้แวะไปดูการแข่งขันของจัมป์ปิ้งคลับเล็กๆแห่งนึง แล้วเราก็ได้เจอกับ Blair Richardson ซึ่ง Blair ก็บอกว่าที่คอกของเค้าก็มีอยู่ตัวนึงกำลังจะขายพอดี จึงได้ไปลองขี่ดู แล้วก็รู้สึกว่าตัวนี้แหละที่ใช่เลย ผมก็เลยตัดสินใจซื้อและนำกลับมาเมืองไทย”

หลังจากที่ได้ตำแหน่งแชมป์ประเทศไทย แมทธิวก็ติดทีมชาติและไปร่วมแข่งขันขี่ม้าอีเวนท์ติ้งที่ Guangzhou Asian Games 2010 ร่วมกับนักกีฬารุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็น ณีนา ล่ำซำ ลีเกิ้น,  บอมบ์ วีรภัฎ ปิฏกานนท์ไอซ์ พรหมธร กิ่งวรรณ และ เทอร์รี่ อิมพ์สัน  


Representing Thailand! The Thai Eventing Team  for Guangzhou Asian Games 2010. 
Photo courtesy of Namchai Jantakad


Matthew Jantakad riding Clifton Zengarie at the Guangzhou Asian Games 2010.
Photo courtesy of Namchai Jantakad

แมทธิวกล่าวถึงประสบการณ์เมื่อปีที่แล้วว่า  "แชมป์ประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นกำลังใจที่สำคัญมาก เพราะทำให้ผมมีความเชื่อในม้าตัวนี้จนถึงที่สุดว่าจะไปด้วยกันในอีกหลายการแข่งขัน เป็นประสบการณ์ที่ดีมากทำให้ได้เรียนรู้อะไรอีกหลายๆอย่างที่ยังไม่เคยรู้ จนถึงเวลาที่ผมได้ไปแข่งAsian Games ที่ประเทศจีนครั้งนี้ถือว่าได้อะไรเยอะมากที่สุด เพราะว่าทีมไทย มีโค้ชด้วยกันถึง 3 คน คือ Andrew Hoy, Bettina Hoy และ Kim Severson เป็นการฝึกซ้อมที่ความรู้และเทคนิคเยอะมากจนเกือบจะนำมาเลือกใช้ไม่ถูกเลยก็ว่าได้  ถึงแม้ว่าผลการแข่งขันของผมออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะอาจจะยังตื่นเต้นกับการแข่งขันรายการใหญ่ๆอยู่ ทำให้เกร็งเวลาลงสนาม  แต่ผมก็ไม่ท้อครับ!”

“หลังจากจบงานแข่งที่ประเทศจีน ผมกับม้าได้พักยาวไปช่วงนึง จากนั้นผมก็เริ่มฟิตซ้อมอีกครั้งเพื่อเตรียมแข่งขันคัดตัวสำหรับ SEA Games ปีนี้ี    สำหรับงานแข่งครั้งแรกของปีที่งาน Thailand Championships ที่เพิ่งจบไปนั้น ผมได้นำโค้ช Natalie Blundell จากออสเตรเลียมาคอยกำกับดูแลในการแข่งขันของผมครั้งนี้ด้วย  ซึ่งผลการแข่งขันออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และผมก็ยังได้แชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 2 อีก ซึ่งเป็นอะไรที่ผมหวังมานานแล้วเพราะเคยได้ที่ยินครูๆส่วนใหญ่พูดกันว่ามีแค่พี่ปูไข่เท่านั้นที่ทำได้ ก็เลยเป็นแรงผลักดันเพื่อให้ผมทำได้แบบพี่เค้าบ้าง ถึงตอนนี้ผมจะทำได้แล้ว แต่ผมก็หวังที่จะทำให้ดีขึ้นอีก และทำให้ได้เกิน 2 สมัย!!” 

ผมฟังแล้ว ก็รู้สึกชื่นชมในความตั้งใจจริงของน้องเค้าจริงๆ
แล้วจากนี้จะเป็นยังไงต่อ?....ผมถามเค้าอย่างสงสัย

"Goal ของผม คือโอลิมปิค" แมทธิวกล่าวเต็มเสียงอย่างมั่นใจ 

อย่างแรกเลยคือ ต้องติดทีมชาติเพื่อที่จะไปแข่งที่อินโดนีเซียให้ได้ พูดง่ายๆก็คือ การแข่งขันคัดตัวในอีก 2 สนามต่อไป ผมจำเป็นต้องชนะให้ได้  ส่วนเป้าหมายที่ 2 คือ ในปีหน้าผมจะต้องคว้าแชมป์ประเทศไทยสมัยที่ 3 ให้ได้ จะได้นำถ้วยกลับมาไว้ที่บ้านสักที (อมยิ้ม) ส่วนเรื่องเรียนก็เรียนตามปกติ พอถึงตอนเย็นก็ไปซ้อมตามปกติ แต่ถ้าถึงเวลาแข่งก็จำเป็นต้องลาเรียนเพื่อไปซ้อมอย่างจริงจัง”

Namchok Jantakad on Clifton Zengarie in Cross Country.
Photo courtesy of Pal Prinksakul


 Namchok Jantakad won Second Consecutive Year for the King's Cup Thailand Championships for Eventing (CNC 1*) on his Asian Games Horse Clifton Zengarie last weekend ( 8 May 2011) at Thai Polo Pattaya. 
Photo courtesy of Namchai Jantakad



A great teamwork and all-time supporters. 
(clockwise) Pakin Chamswad (mentor), Natalie Blundell (coach), Maria Diana P. Jantakad (mother), Namchok Jantakad, and Namchai Jantakad (brother)
Photo courtesy of Namchai Jantakad

“สิ่งที่ทำให้ผมได้รับชัยชนะตลอดมา ไม่ได้เกิดจากผมแค่คนเดียว แต่เพราะมี Clifton ที่มีความสามารถสูงมากและยังมีนิสัยที่ดีด้วย มันคอยช่วยผมตลอดเวลาไม่ว่าผมจะผิดพลาดไปหลายครั้ง ซึ่งทำให้ผมประทับใจเป็นที่สุด แต่กำลังใจที่ดีที่สุดก็คงไม่ใช่ใครนอกจากครอบครัว ซึ่งก็คือ พ่อและแม่ผมที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจตลอดมา แต่ที่เด็ดที่สุดคือ พี่ชายของผมเองที่เสียสละเวลาและอะไรหลายๆอย่างเพื่อมาดูแลม้าและจัดการทุกๆอย่างให้กับผม ส่วนโค้ชนั้นก็เป็นเหมือนแม่คนที่ 2 แม้ว่าจะอยู่คนละประเทศแต่ก็คอยติดต่อกัน ว่าม้าเป็นยังไงบ้าง แถมยังทำตารางการฝึกซ้อมให้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็น Personal Coach จริงๆ”

“สุดท้ายนี้ ผมอยากขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจผมตลอดมา ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มขี่ม้าจนมาได้แชมป์ในวันนี้ รวมถึงสมาคมขี่ม้าฯที่หมั่นจัดการแข่งขันขึ้นเพื่อให้นักกีฬาได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือและความสามารถอย่างสม่ำเสมอ ขอขอบคุณโค้ช Nat ที่คอยดูแลผมมาโดยตลอด ขอบคุณพี่ๆสัตว์แพทย์ทั้งหมอเม หมอตั้ม ที่คอยให้คำปรึกษาเรื่องอาหารและยาต่างๆ ขอบคุณพี่ๆทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพี่เต๊นท์ พี่ต่อ พี่หนก พี่หนุ่ม พี่เอ็ม พี่อี๊ด พี่บอมบ์ ที่คอยให้คำปรึกษาทั้งในสนามและนอกสนาม  ที่สำคัญที่สุดคือ พ่อ แม่ และพี่แมค ที่คอยไปด้วยกันทุกที่ตลอด และอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะแพ้จะชนะยังไงก็จะอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน คอยเป็นกำลังใจให้เสมอ และก็ขอขอบคุณม้าที่แสนน่ารัก Cliffie ที่ทำให้ผมได้รางวัลตลอดไม่ว่าจะแข่งที่ไหนครับ”


สิ่งที่แมทธิวได้แชร์กับเราในวันนี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อนักกีฬารุ่นใหม่อย่างมากครับ การตั้งเป้าไว้ในจุดที่สูงที่สุดอาจจะไม่ไกลเกินเอื้อม หากแต่มีการวางแผนที่ดีและค่อยๆเดินอย่างมั่นคง ฝันนั้นคงมาถึงได้ไม่ยาก  นอกจากนั้นการสนับสนุนจากครอบครัวและการทำความเข้าใจ ให้คำปรึกษา และให้กำลังใจกันถือเป็นสูตรสำคัญที่สุดที่จะช่วยส่งให้นักกีฬารุ่นใหม่เติบใหญ่และเติบโตในสายกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ผมมีความเชื่อมั่นลึกๆว่าน้องแมทธิวจะสามารถทำตามฝันของตัวเองได้อย่างแน่นอน ขอเพียงมีความมุมานะและอดทนนะครับ พวกเรา HorseMove Thailand จะคอยเอาใจช่วยครับ 


Related Article:
กีฬาอีเวนท์ติ้งของไทย.....ไม่เป็นรองใครในภูมิภาค // EVENTING IN THAILAND


No comments:

Post a Comment